ประวัติของ ไมเคิล แจ๊คสัน (Michael Jackson) ตั้งแต่สนมัยเด็กที่ยังอยู่วง Jackson 5 จนกระทั้งโตขึ้นมาเป็นราชาเพลงป๊อประดับโลก จวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ซึ่งอาการหัวใจหยุดเต้น Heart Attack เป็นต้นเหตุของการปิดฉากชีวิตราชาเพลงป๊อป ไมเคิล แจ๊คสัน ทำเอาแฟนเพลงทั่วโลกถึงกับช็อกกับการจากไปอย่างกะทันหัน
ไมเคิล แจ๊คสัน นั้นจัดเป็นนักร้องเพลงป๊อปที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับศิลปินรุ่นหลัง ๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น จัสติน ทิมเบอร์เลค, บริทนีย์ สเปียร์ รวมไปถึงซูเปอร์สตาร์เอเชีย อย่าง เรน ซึ่งการจากไปของเขานั้นถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวงการเพลงระดับโลก
กำเนิด ไมเคิล แจ๊คสัน Michael Jackson, A Star Was Born
ไมเคิล แจ๊คสัน หรือ Michael Jackson เป็นชาวอเมริกัน มีชื่อจริงว่า ไมเคิล โจเซฟ แจ๊คสัน เกิดเมื่อวันที่ 29 ส.ค. พ.ศ. 2501 ได้เข้าสู่เส้นทางนักร้องตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ด้วยการเป็นนักร้องนำในวง “เดอะ แจ๊คสัน ไฟว์” มีผลงานอัลบั้มแรกคือ “ก๊อท ทู บี แดร์” (Got to Be There) เมื่อปี พ.ศ. 2514 ขณะที่เขามีอายุ 11 ขวบ และเพลงของเขาก็สามารถไต่ไปอยู่อันดับ 1 บนบิลบอร์ดได้สำเร็จถึง 3 เพลงด้วยกัน
Michael Jackson, King of Pop
จากนั้นชื่อเสียงของ ไมเคิล แจ๊คสัน ก็ทวีความแรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี พ.ศ. 2522 อัลบั้ม “ออฟ เดอะ วอลล์” (Off the Wall) ได้ทำสถิติใหม่ด้วยยอดขายกว่า 20 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก ก่อนจะมีผลงานอีกหลายอัลบั้มตามมา แต่ที่เด่น ๆ จนมีเพลงฮิตติดชาร์ตและสร้างสถิติที่น่าทึ่งให้กับวงการเพลงก็เห็นจะเป็นอัลบั้ม “ทริลเลอร์” (Thriller) ในปี พ.ศ. 2525 ซึ่งสร้างสถิติอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลมากถึง 60 ล้านชุด และอัลบั้ม “แบด” (Bad) ในปี พ.ศ. 2530 กับสถิติอัลบั้มที่มีซิงเกิ้ลขึ้นอันดับ 1 ในบิลบอร์ดมากที่สุด
พอให้หลังไป 4 ปี ในปี พ.ศ. 2534 ชื่อเสียงของ ไมเคิล ก็กลับมาผงาดครองความแรง บนแผงเทปอีกครั้งด้วยอัลบั้ม “แดนเจอรัส” (Dangerous) ในปี พ.ศ. 2534 โดยเพลง “แบล็ก ออร์ ไวท์” (Black or White) นั้นติดอันดับ 1 ทั้งในบิลบอร์ดและชาร์ตเพลงทั่วโลก ก่อนที่จะส่งอัลบั้ม“ฮิสทรี่” (History) กับเพลง “ยัวร์’ น็อท อโลน” (You’re Not Alone) เป็นซิงเกิ้ลแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย และเขาเองก็ได้ทิ้งห่างการออกอัลบั้มมานานถึง 10 ปีเต็ม ก่อนจะส่งผลงาน “อินวิซิเบิ้ล” (Invicible) สู่ตลาดอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2544 โดยที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าได้ว่านี่คืออัลบั้มชุดสุดท้ายในชีวิตของเขา
คอนเสิร์ต ไมเคิล แจ๊คสัน และ Michael Jackson’s Dangerous Tour ที่ไทย
การแสดงสดของ ไมเคิล แจ๊คสัน นั้นสร้างความประทับใจให้กับคนดูได้เสมอ เปิดคอนเสิร์ตครั้งใดแฟนเพลงต่างก็ให้ความสนใจ ไปต่อแถวซื้อตั๋วและรอดูอย่างแน่นขนัดแทบทุกครั้ง ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2536 ในเมืองไทยเองก็มีการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของ ไมเคิล แจ๊คสัน ในอัลบั้ม “แดนเจอรัส” มาแล้วถึง 2 รอบ ที่สนามศุภชลาศัย โดยบัตรราคา 500, 800, 1,000, 1,500 และ 2,500 บาท ซึ่งถือว่าแพงมากในยุคนั้น ความแรงของ ไมเคิล แจ๊คสัน ทำให้เกิดกระแส “ไมเคิล แจ๊คสัน ฟีเวอร์” มาแล้ว ของที่ระลึก อัลบั้มเพลง และทุกอย่างที่เกี่ยวกับไมเคิล แจ๊คสัน นั้นขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แต่ขณะนั้นก็มีคนในสังคมบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดงของไมเคิล และกระแสที่ฟีเวอร์จนเกินเหตุ โดยเฉพาะกับท่าเต้นลูบเป้าที่ไม่เหมาะกับวัฒนธรรมไทย นั้นเป็นประเด็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ อยู่นานพักใหญ่
คอนเสิร์ตครั้งนั้นถูกจัดการแสดงขึ้นในวันที่ 21 ส.ค. 36 เป็นรอบแรก แต่พอมาถึงรอบที่ 2 ในวันที่ 22 ส.ค. แฟนเพลงต่างก็ต้องผิดหวัง เมื่อคอนเสิร์ตนั้นถูกเลื่อน โดยผู้จัดการแสดงอ้างว่าไมเคิลป่วย จนต้องเลื่อนการแสดงออกไปวันที่ 23 ส.ค. แต่สุดท้ายก็เลื่อนอีก จนแฟนเพลงไม่พอใจและเกิดการจลาจลหน้าสนามกีฬา สุดท้ายไมเคิลต้องเอาเทปเสียงมาเปิดยืนยันให้แฟนเพลงฟังว่า “ป่วยของจริง” และการแสดงก็ไปลงตัวจบเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 36 ก่อนจะอำลาเมืองไทยไป การแสดงของไมเคิล แจ๊คสัน กลับมาที่เมืองไทยอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2538 ในอัลบั้ม “ฮิสทรี่” โดยจัดการแสดงที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับความสนใจมากเท่าครั้งแรก
ไมเคิล ห่างจากการทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เขาเริ่มคิดถึงเวทีและแสงไฟ เลยประกาศจัดคอนเสิร์ต “ดิส อิส อิท ณ โอทู อารีนา” กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเริ่มแรกเดิมทีจะจัดเพียง 10 รอบเท่านั้น แต่ด้วยความคลั่งไคล้ของแฟนเพลงที่ให้ความสนใจคอนเสิร์ตนี้เป็นอย่างมาก จึงได้เพิ่มรอบเป็น 50 รอบ จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ถึง 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 แต่เขาเองก็ได้มาจบชีวิตลงก่อนที่การแสดงจะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่วัน เป็นการปิดตำนานราชาเพลงป๊อป เจ้าของท่าเต้นมูนวอล์ก ไปด้วยวัยเพียง 50 ปี โดยไมเคิลได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล UCLA Medical Care Center หลังจากที่เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพราะเกิดเป็นลมน็อกอยู่ภายในบ้านพัก เมื่อช่วงเที่ยงของวันพฤหัสบดีที่ 25 มิ.ย. ซึ่งตรงกับเวลาประมาณเช้ามืด วันศุกร์ที่ 26 มิ.ย. ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งก่อนจากไปเขาก็ยังอยู่ในระหว่างการซ้อมเพื่อคอนเสิร์ตใหญ่ที่จะมีขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในเดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น